ไม่ใช่คำคมเก๋ๆ แต่การ ‘พาใจกลับมาอยู่บ้าน’ คือเรื่องที่แพทย์จากหลากหลายชาติกำลังพูดถึงกันมากในช่วงเวลาแห่งการเก็บตัวอยู่บ้านนี้ เพราะพฤติกรรมการไถโซเชียลมีเดียหรือเปิดทีวีติดตามข่าวสารเรียลไทม์ทั้งวัน อาจทำให้หลายๆ คนตระหนกไปกับข่าวจนรู้สึกหวาดกลัว และลามไปจนถึงรู้สึกหมดพลังในการใช้ชีวิตได้เลย
ดังนั้น “If you are staying at home, then be home” ถ้าใจเตลิดไปไกล พาใจกลับมาอยู่บ้านซะ ก็ฟังดูอบอุ่นและมีเหตุผลในช่วงเวลาแบบนี้นะ
วิธีเอาใจออกห่างไวรัสที่จับต้องได้แบบเป็นรูปธรรมที่สุดในช่วงเวลาที่เก็บตัวอยู่บ้านแบบนี้ คือการหันมาดูแลตัวเอง ทั้ง ‘ข้างนอก’ (body) และ ‘ข้างใน’ (mind) ไปพร้อมๆ กัน ลองหากิจกรรมที่ทำให้เราสงบ อย่างการวาด ขีดเขียน หรือออกกำลังกาย จัดพื้นที่ในบ้านให้เหมาะกับการผ่อนคลาย
ทำไม self-care ถึงสำคัญ เพราะสถานการณ์แบบนี้อาจทำให้เราเผลอมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเป็นศัตรูไปหมด แล้วความเครียด กังวล หรือความกลัวจะกลับมาทำร้ายสุขภาพเรา แม้จะไม่ได้ออกไปเผชิญกับไวรัสโดยตรงก็ตาม
ข้อแรก – ให้ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาฝึกฝนการดูแลอนามัยของตัวเอง เปลี่ยนจากทำเพราะความกลัว มาทำให้เป็นนิสัยไปเลยดีกว่า
ทำร่างกายและบ้านให้สะอาด ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ นาน 20 วินาที ทำความสะอาดบ้านด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเป็นประจำ และถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ด้วยก็ยิ่งดี
ข้อสอง – จัดกิจกรรมออกกำลังกายและผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้เป็นรูทีนในแต่ละวัน กำหนดไปเลยว่าจะวิ่งวันไหนบ้าง ยืดเหยียดตอนกี่โมง นั่งสมาธิหรือโยคะนานแค่ไหนในแต่ละวัน
กิจกรรมกายที่เราแนะนำ
– วิ่งแถวบ้าน เลือกเส้นทางที่ไม่ต้องเจอกับผู้คนพลุกพล่าน งานวิจัยบอกว่าเพียงเราวิ่งให้เป็นประจำแค่วันละ 15 นาที จะช่วยยืดอายุของเราไปถึง 5 ปี! แต่ต่อให้ไม่เชื่องานวิจัยนี้ การออกไปวิ่งทุกวันช่วยให้เราคลายเครียดจากการอยู่บ้านทั้งวันได้แบบเห็นผลชัดเจน
– เต้นหรือบอดี้เวต ลองเสิร์ชคลิป workout สั้นๆ ที่ทำตามได้ง่ายๆ บางคลิปสั้นแค่ 6 นาที แต่ถ้าทำทุกวันก็เบิร์นและสร้างกล้ามเนื้อแบบเห็นผลได้เหมือนกัน
– โยคะหรือยืดเหยียด ข้อนี้สำคัญมากโดยเฉพาะคนที่เวิร์กฟรอมโฮม นั่งทำงานนานๆ แล้วอาจจะปวดเมื่อย ตั้งเวลาให้ลุกขึ้นมายืดเหยียดทุกชั่วโมงนะ
– สมาธิ ออกกำลังใจก็นับด้วยเหมือนกัน ในวันที่เหนื่อยล้า ลองหามุมสงบนั่งหลับตาโฟกัสไปที่ลมหายใจ อาจจะรู้สึกดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
สิ่งสำคัญในแต่ละวัน คืออย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 8 แก้วเป็นอย่างน้อย เพราะต่อให้อยู่ในบ้าน เราก็ dehydrate ได้นะ โดยเฉพาะอากาศอบอ้าวช่วงฤดูร้อนนี้
ข้อสาม – ดูแลตัวเองด้วยการแต่งตัวก็ได้เหมือนกัน ใครว่าอยู่บ้านจะต้องใส่ชุดโทรมๆ เยินๆ เสมอไป การแต่งตัวให้เหมือนไปทำงานนอกบ้าน (แม้จะคอลแบบเห็นครึ่งตัวก็เถอะ) ก็ช่วยให้เรารู้สึกกระฉับกระเฉงและพร้อมกับการทำงานได้ แต่อย่าเผลอกดช้อปเสื้อผ้าใหม่ๆ จนลืมตัวนะ
ลองตามเทรนด์โลกในช่วงนี้ เราเห็นบล็อกเกอร์สายแฟฯ หลายคนลุกขึ้นมาชวนคน Restyle your wardrobe หรือเอาชุดเก่ามาเล่าใหม่ ไหนๆ ก็มีเวลาอยู่บ้านแล้ว มีเวลาส่องกระจกมากขึ้น มีเวลาแมตช์ชุดที่มีอยู่แล้วในตู้เสื้อผ้าได้หนำใจ และก็มีเวลาได้รู้จักสไตล์ของตัวเองให้มากกว่าเดิม
โบนัสที่ได้จากการไม่ช้อปเพิ่ม คือไม่เพิ่มเติมขยะและปัญหาให้สิ่งแวดล้อม และยังได้กลับมารู้จักตัวเองในแบบที่เป็นอีกครั้งหนึ่ง ส่องกระจกครั้งต่อๆ ไปก็จะภูมิใจว่าฉันคือใคร ฉันมีรูปร่างในแบบของฉัน และฉันชอบแบบนี้แหละ เพราะความงามไม่ได้จำเป็นต้องตามเทรนด์นี่นา
ข้อสี่ – ดูแลตัวเองด้วยการจัดการเวลา เพื่อให้มีเวลาได้นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงในแต่ละวัน อย่ามองข้ามเรื่องนี้เวลาอยู่บ้าน เพราะมันจะไม่ทำให้การงานลุกลามไปในเวลาที่เราควรพักผ่อน
คำแนะนำคือ จัดตารางสำหรับการทำงานเหมือนเข้าออฟฟิศ ตามด้วยเวลาออกกำลังกาย ทำอาหาร หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ให้เป็นรูทีนประจำสัปดาห์ ใส่เวลาสำหรับการดูแลตัวเองเข้าไปในตารางชีวิตคือเรื่องสำคัญที่สุด
เมื่อดูแลตัวเองจนเรารู้สึก ‘ดี’ กับตัวเองขึ้นแล้ว อย่าลืมที่จะแสดงออกมาในรูปแบบที่ตัวเองถนัด อาจจะเป็นการอัพลงโซเชียลมีเดีย หรือจดบันทึกการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ของตัวเองไว้ในสมุดบันทึกหรือ journal ก็ได้ เพราะการระบายออกมาเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ช่วยเยียวยาใจในช่วงเวลาที่ต้องอยู่กับตัวเองที่บ้านเป็นเวลานานๆ
ถ้าออกไปไหนอย่าลืมจดบันทึกไว้ด้วย เพื่อเป็นประโยชน์หากเราโชคร้ายติดไวรัสขึ้นมา จะได้หาที่มาที่ไป และช่วยกันระบุพิกัดการระบาดได้
อย่าเก็บตัวอยู่คนเดียว จัดสรรเวลาโทรหาครอบครัว ญาติผู้ใหญ่ หรือเพื่อนที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันบ้าง ไม่แน่ว่าถ้าพวกเขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางบวกของเรา เขาอาจจะมีพลังที่จะดูแลตัวเองให้ดีๆ บ้าง เหมือนเป็นสัญญาณที่ส่งต่อถึงกันว่า เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน : )
Read More:
ฝาก ‘รอยเท้า’ เอาไว้!
รองเท้าคู่โปรด ฝากรอยเท้า (คาร์บอน) ไว้ให้โลกแค่ไหน
เปลี่ยนตู้เสื้อผ้าให้แฟร์-แฟร์กับสัตว์โลก
Animal-Friendly Wardrobe Guide
อยู่บ้าน หยุดเชื้อ แต่หยุดออกกำลังกายไม่ได้!
รีวิวโปรเจกต์วิ่งวันละโล โยคะกับไบรไอนี่ ต่อยมวยตามคลิปยูทูบ อันไหนสนุก ทำที่บ้านไหว และทำต่อเนื่องไปได้ยาวๆ