วันดื่มนมโลก
เพื่อให้คนตระหนักถึงความสำคัญของการดื่มนม องค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO (The Food and Agriculture Organization) จึงจัดตั้งวันที่ 1 มิถุนายน เป็นวันดื่มนมโลก โดยปีนี้มีธีมที่ชวนตระหนักถึงความยั่งยืนที่ว่าด้วยการดำเนินงานเรื่องสภาพอากาศและการลดผลกระทบที่ผลิตภัณฑ์จากนมสร้างให้กับโลก พร้อมแคมเปญให้เราได้แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นม รวมถึงให้เหล่าฟาร์มเมอร์หรือเกษตรกรได้แสดงแนวทางเพื่อความยั่งยืนที่ฟาร์มของพวกเขาดำเนินการอยู่
ใครอยากมีส่วนร่วมกับวันดื่มนมโลก นอกจากจะร่วมอวดนมแก้วที่เราดื่มพร้อมติดแฮชแท็ก #WorldMilkDay #EnjoyDairy การหันมาทำความเข้าใจเรื่องนมที่มีทางเลือกหลากหลายในตลาด รู้จักผลกระทบจากการเลือกกิน และส่งต่อข้อมูลให้คนรอบตัวได้เข้าใจ ก็เป็นเรื่องที่น่าลงมือทำแบบไม่ต้องสนวันดื่มนมโลก แต่ลงมือทำได้เลยในทุกวัน
นมจากวัวอารมณ์ดี มันดีไปทั้งระบบได้!
ปัจจุบัน แค่นมวัวอย่างเดียว ผู้บริโภคยังสามารถเลือกระบบการเลี้ยงของฟาร์มได้ด้วย อย่างฟาร์มโคนมระบบอินทรีย์หรือที่เรียกว่าออร์แกนิกที่เราอยากเล่าถึง เนื่องจากฟาร์มระบบนี้ไม่ใช่แค่เลี้ยงโคนมเพื่อเอาผลผลิตอย่างเดียว แต่ยังใส่ใจตั้งแต่การเลี้ยงดู อาหารของโคอย่างหญ้าสด (ที่เป็นออร์แกนิกเช่นกัน) และความเป็นอยู่ของเกษตรกร
ระบบฟาร์มออร์แกนิกจะไม่มีการใช้สารเคมีที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการ แถมปล่อยให้โคเดินเล่นได้อย่างอิสระและเป็นธรรมชาติ แทะเล็มหญ้าสดออร์แกนิกในทุ่งหญ้าธรรมชาติได้อย่างเสรี ทำให้โคอารมณ์ดี มาถึงตรงนี้คนกินอย่างเราก็พลอยได้ผลผลิตที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารไปด้วย
มีงานวิจัยช่วยยืนยันว่าการเลี้ยงโคนมแบบออร์แกนิกจะให้นมที่มี CLA (Conjugated Linoleic Acid) และโอเมก้า 3 สูง โดย CLA คือกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ แต่จะได้รับจากการกินเพียงอย่างเดียว มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดโรคหัวใจ ลดการสะสมไขมันในร่างกาย และช่วยยับยั้งการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ขณะที่โอเมก้า 3 ช่วยพัฒนาสมอง สายตา และระบบประสาท ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ยังพบว่าในน้ำนมจากกระบวนการเลี้ยงแบบอินทรีย์ยังมีส่วนประกอบของไขมัน โปรตีน ธาตุน้ำนม (เนื้อนม) วิตามินต่างๆ รวมถึงกรดไขมันที่ดีต่อร่างกายจริงๆ
สำคัญกว่านั้น ระบบฟาร์มโคนมออร์แกนิกยังดูแลครอบคลุมไปถึงวิถีชีวิตของเกษตรกร มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้เลิกใช้สารเคมีในการเลี้ยง จึงเกิดการเรียนรู้และพึงพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน แถมไม่ต้องเสี่ยงเจ็บป่วยจากผลกระทบของเคมีด้วย เรียกได้ว่าปลอดภัยทั้งคนเลี้ยงและคนกิน
นมจากพืช แม้ไม่ได้มาจากเต้า แต่ดีต่อสุขภาพเราได้เหมือนกัน
พูดถึงนมจากพืช เราอาจคิดถึงนมถั่วเหลืองเป็นอย่างแรก แต่! นมถั่วเหลืองที่คุ้นเคยและได้รับความนิยมในบ้านเรามายาวนาน เมื่อมองลึกลงไปในกระบวนการปลูกและอุตสาหกรรมการผลิต ถั่วเหลืองกลับต้องใช้พื้นที่ปลูกและน้ำจำนวนมาก มนุษย์ที่ใส่ใจโลกเลยพยายามหาสิ่งที่ดีกว่าขึ้นมาเป็นตัวเลือก
นมจากถั่วและพืชชนิดต่างๆ ได้กลายมาเป็นตัวเลือกบนความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้แพ้แลคโตสในนมวัว จะเลือกดื่มด้วยเหตุผลเรื่องรสชาติ ดื่มเพื่อควบคุมน้ำหนัก หรือดื่มเพราะอยากมีส่วนร่วมลดคาร์บอนฟุตปริ้นท์ก็ตาม นับว่าคุณเองได้มีส่วนร่วมบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่มากก็น้อย ทำให้นมจากสารพัดถั่วและพืชต่อไปนี้ที่ไม่ใช่แค่เทรนด์ที่มาแล้วจากไป
นมอัลมอนด์
น้ำนมที่ได้จากการแช่เมล็ดอัลมอนด์ให้เกิดการซึมน้ำในเมล็ด ปั่นละเอียด และคั้นออกมา หนึ่งในนมทางเลือกของกลุ่มที่ต้องการควบคุมแคลอรี่ หรือแพ้นมวัว เพราะนมอัลมอนด์ให้พลังงานต่ำ ปราศจากไขมันอิ่มตัว ไม่มีน้ำตาลแลคโตส แต่ให้วิตามินอี วิตามินดี แคลเซียม และไขมันที่ดีกับร่างกาย แม้ไม่ใช่แหล่งโปรตีนหลัก เมื่อเทียบกับนมวัวหรือนมถั่วเหลือง แต่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในบ้านเรา ไม่ว่าจะด้วยรสชาติหรือความคุ้นเคยกับถั่วชนิดนี้ก็ตาม
นมข้าวโอ๊ต
ได้จากการนำข้าวโอ๊ตไปปั่นกับน้ำแล้วกรองส่วนที่เป็นนมออกมา ในขั้นตอนการทำพบว่าใช้น้ำน้อยกว่านมอัลมอนด์หลายเท่า จึงเป็นตัวเลือกที่ดีต่อโลกแน่ๆ ส่วนที่ดีต่อเราด้วยก็คือนมโอ๊ตมีเบต้ากลูแคนสูง จึงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ดี แถมช่วยลดคอเลสเตอรอล นอกจากคุณประโยชน์ อีกส่วนที่ทำให้หลายคนติดใจคือรสชาติและกลิ่นของนมโอ๊ต ด้วยเนื้อที่แน่น ให้รสชาติดี รวมถึงกลิ่นหอมอ่อนกว่าเมื่อเทียบกับนมวัวหรือนมจากพืชและถั่วอื่นๆ เอาไปดื่มกับอะไรก็เข้ากัน นมโอ๊ตเลยได้ใจใครหลายคนไปเต็มๆ
นมพิสตาชิโอ
ขั้นตอนการทำเป็นไปแบบนมอัลมอนด์คือแช่น้ำข้ามคืน ปั่นละเอียด และคั้น มีคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันดีใกล้เคียงนมอัลมอนด์ ในขณะที่นมอัลมอนด์มีวิตามินอีมากกว่านั้น นมพิสตาชิโอก็มีวิตามินบี 1 ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และวิตามินบี6 ในปริมาณที่ดีกว่าเช่นกัน แต่ยังตกเป็นรองนมอัลมอนด์ในแง่ของสารอาหารโดยรวม ว่ากันว่าถ้าคนรักที่จะดื่มนมพิสตาชิโอก็จะรักมาก ถ้าไม่ชอบก็เบือนหน้าหนีได้เลย ด้วยรสชาติที่เข้มข้นและชัดเจนกว่านมถั่วหรือนมพืชอื่นๆ
นมจาก hemp!
ชวนเข้าใจก่อนว่าเฮมพ์หรือกัญชงเป็นพืชวงศ์เดียวกับกัญชาจริง แต่ไม่มีสารเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อประสาทให้ต้องกังวล แถมเมล็ดกัญชงยังอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างอาร์จินีน (Arginine) จึงมีการนำไปสกัดเป็นน้ำมันหรือกระทั่งถูกคั้นเป็นนมจากพืชด้วยวิธีเดียวกับนมโอ๊ต นมจากเฮมพ์ไม่มีน้ำตาล ไม่มีคอเลสเตอรอล และเช่นเดียวกับนมพืชทั้งหลาย คือมีไขมันดี แม้ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ก็มีงานวิจัยที่กล่าวถึงการปลูกกัญชงว่าส่งเสริมให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพด้วยล่ะ นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่แพ้นมวัวด้วย แพ้นมถั่วด้วย ส่วนรสชาติจะเป็นอย่างไร คงต้องหามาลองดื่มกัน
นอกจากนมเหล่านี้ดีกับสุขภาพและโลกไปพร้อมๆ กัน แล้ว ยังถูกพัฒนารสชาติให้เอื้อกับซีเรียสคอฟฟี่ได้ด้วย สังเกตได้ว่าปัจจุบันมีนมจากพืชหลากหลายเป็นทางเลือกให้หยิบไปชงกับกาแฟได้อร่อยกว่าเดิม ซึ่งนมแต่ละชนิดก็มีข้อเด่นข้อด้อยให้ทำความเข้าใจต่อไป เหนืออื่นใดอยากให้เลือกจากรสชาติที่ชอบ และหากคุณคือผู้ไม่แพ้ (ถั่วและนมวัว) ก็อยากชวนให้สลับดื่มนมจากแต่ละวัตถุดิบหมุนเวียนกันไปแบบไม่ต้องปักใจแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง
[Conscious Tips by ili U]
Good Milk Golden Ratio
สัดส่วนอร่อยชัวร์ สำหรับกาแฟเย็นแบบโฮมบาร์กับนมทางเลือก
Step 1 รินนม 110-120 กรัม และใส่น้ำแข็ง 3 ส่วนของแก้ว
Step 2 เติมกาแฟ Cold Brew 1 ส่วน ของแก้ว
Step 3 เติมน้ำผึ้ง/น้ำเชื่อม 5-10 กรัม ตามความชอบ
*ถ้าเลือกน้ำผึ้ง ต้องละลายน้ำร้อนก่อนนะ
Read More:
ส่องวัตถุดิบรสนัว ก้นครัวชนพื้นเมือง
เข้าใจวิถีชีวิตชนเผ่าพื้นเมืองบ้านเรา ผ่านอาหารและจักรวาลการครัว
ทำไซรัปพลัมจูหลีเหลือกิน แบบไม่ต้องรอนาน
ไม่อยากทิ้งผลไม้เหลือ รวบเอามาทำไซรัปเติมความหวานในยามนี้!
ภารกิจพิชิตตู้เย็น! เคลียร์ทุกชั้น กินให้ทันก่อนหมดอายุ
สำรวจพื้นที่ในตู้เย็น แก้ต้นตอขยะอาหารล้นบ้าน