เป็นเรื่องจริงที่เส้นใยกัญชงกลายเป็นเส้นใยยอดฮิตที่บรรดาแบรนด์เสื้อผ้าออร์แกนิกนำมาถักทอผลิตภัณฑ์ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ความคิดที่ว่า เส้นใยกัญชงเป็นที่นิยมแค่เฉพาะในกลุ่มแบรนด์เสื้อผ้าอินดี้เล็กๆ กลับเปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง เพราะทุกวันนี้ แบรนด์แฟชันยักษ์ใหญ่อย่าง Levi, Patagonia หรือกระทั่ง Jacquemus ต่างก็พากันพยักหน้าหงึกๆ ยกนิ้วให้กับเส้นใยกัญชง และพากันผลิตเสื้อผ้าของแบรนด์จากเส้นใยชนิดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ว่าแต่ทำไมอยู่ดีๆ เส้นใยกัญชงถึงฮิตระเบิดระเบ้อขึ้นมาล่ะ ความโดดเด่นของมันคืออะไร แล้วเส้นใยชนิดนี้ดีกับโลกยังไงบ้าง
ใยกัญชง – ยืดหยุ่น คลายร้อน ปลูกง่ายไม่ทำร้ายโลก
สาเหตุแรกที่ทำให้กัญชงกลายเป็นเส้นใยยอดฮิตคือคุณสมบัติเฉพาะตัวของมัน ที่มีทั้งความอ่อนนุ่ม และเรียวยาว โดยที่ความยาวของเส้นใยกัญชงนั้นมีความยาวเท่าเส้นใยของฝ้าย และมีความบางเป็น 1/3 ของเส้นใยปอ ด้วยเหตุนี้ แม้ว่ามองผ่านๆ เส้นใยกัญชงอาจดูหยาบ และระคายผิว แต่หากได้ลองสวมใส่ดูแล้วจะพบว่า เสื้อผ้าที่ทอจากเส้นใยกัญชงจะมีความอ่อนนุ่ม และยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี
คุณสมบัติอีกอย่างที่น่าสนใจของเส้นใยประเภทนี้คือ ภายในเส้นใยของกัญชงจะมีโพรงเล็กๆ ลักษณะเรียวยาวจำนวนมากพาดสลับกันไปมา ซึ่งเป็นโพรงเล็กๆ เหล่านี้แหละที่จะช่วยทั้งคายและดูดซับความชื้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่านั่นหมายถึงการขับเหงื่อได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง ในแง่นี้ หากเทียบกันระหว่างเสื้อที่ทอจากฝ้ายทั่วไป กับเสื้อที่ทอจากเส้นใยกัญชงจะพบว่า ผ้าที่ทอจากเส้นใยกัญชงจะช่วยให้เรารู้สึกไม่ร้อน เย็นลง นั่นเพราะผ้าจากใยกัญชงจะช่วยลดอุณหภูมิได้ประมาณ 5 องศานั่นเอง
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ไม่แปลกที่กัญชงจะกลายเป็นเส้นใยยอดฮิตในการผลิตเสื้อผ้า อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ส่งให้สารพัดแบรนด์แฟชั่นพากันนิยมเส้นใยกัญชงมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเพราะกัญชงเป็น พืชระยะสั้น ปลูกได้ง่าย ปลูกซ้ำได้โดยไม่ส่งผลเสียต่อคุณภาพดิน แถมยังไม่ต้องใช้น้ำเยอะ รวมถึงยังไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืชอีกด้วย ภายใต้คุณสมบัติการปลูกเช่นนี้เอง ที่ทำให้กัญชงถูกรับรู้ว่าเป็นเส้นใยคุณภาพดี ที่ไม่สร้างผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะในยุคสมัยที่การไม่ทำร้ายโลกกลายเป็นประเด็นสำคัญทางสังคมด้วยแล้ว ไม่แปลกเลยที่กัญชงจะกลายเป็นตัวเลือกยอดฮิตของแบรนด์ใหญ่ๆ
เมื่อแบรนด์ใหญ่หันมาใช้เส้นใยกัญชง
พูดถึงประโยชน์ของกัญชงไปแล้ว เราเลยอยากยกตัวอย่างสองแบรนด์แฟชั่นที่หยิบเส้นใยกัญชงมาถักทอเป็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ได้อย่างน่าสนใจ
Seeker
Seeker คือแบรนด์แฟชั่น Unisex จากลอสแอนเจลีส สหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งก่อตั้งในปี 2016 ที่ผ่านมา แต่ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อแบรนด์จัดวางตัวเองในฐานะแบรนด์แฟชันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยแล้ว โดย Seeker เป็นแบรนด์หนึ่งที่ให้ความสนใจเส้นใยกัญชงมาตั้งแต่แรก ถึงขนาดที่แบรนด์ได้ออกคอลเลกชันเสื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยกัญชงโดยเฉพาะ ความน่าสนใจอีกอย่างของแบรนด์นี้ คือการพยายามหยิบดีไซน์เสื้อผ้าของวัฒนธรรมต่างๆ มาผสมผสานเข้ากับดีไซน์แบบตะวันตก จนออกมาเป็นเสื้อผ้าที่แปลกใหม่ และดูสนุกที่จะสวมใส่
Levi’s
ขึ้นชื่อว่า Levi’s คงไม่ต้องบรรยายชื่อเสียงเรียงนามของแบรนด์ให้มากความ โดยในปี 2020 ที่ผ่านมา Levi’s ก็ได้เปิดตัวคอลเลกชันยีนส์สุดพิเศษ ที่มุ่งเน้นในเรื่องความยั่งยืนกว่าที่ผ่านๆ มา โดยที่วัสดุสำคัญสำหรับคอลเลกชันนี้ก็ไม่ใช่อะไรอื่น แต่คือเส้นใยกัญชงนั่นเอง สำหรับคอลเลกชันนี้ เป็นครั้งแรกที่ Levi’s ใช้นวัตกรรม cottonized hemp นั่นคือการนำเส้นใยกัญชงมาผสานกับฝ้ายจนออกมาเป็นกางเกงยีนส์รุ่นพิเศษ ที่นอกจากจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นแล้ว ยังยืดหยุ่น และสวมใส่ได้สบายอีกด้วย
www.levi.com/US/en_US/blog/article/this-is-cottonized-hemp
Satu
มารู้จักแบรนด์ไทยกันบ้างดีกว่า Satu คือแบรนด์เสื้อผ้าจากดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ที่หยิบเอาลวดลายเสื้อผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวม้งมาดีไซน์ จนออกมาเป็นคอลเลกชันเสื้อผ้าที่มีลายเซ็นเป็นของตัวเอง ด้วยความที่เส้นใยกัญชงถือเป็นภูมิปัญญาของชาวม้งที่ใช้ถักทอเป็นเสื้อผ้าอยู่แล้ว Satu จึงยังรักษาเอกลักษณ์ส่วนนี้ให้อยู่ในเสื้อผ้าของแบรนด์ต่อไป หากใครกำลังมองหาแบรนด์เสื้อผ้าสไตล์ชาวเขาที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร Satu นี่แหละคือแบรนด์ที่เราอยากแนะนำ
Read More:
เปลี่ยนตู้เสื้อผ้าให้แฟร์-แฟร์กับสัตว์โลก
Animal-Friendly Wardrobe Guide
Freedom of Choice ในฮิญาบ ที่เราและโลกก็ควรเข้าใจ ด้วยความเคารพ
ไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหน ก็ควรเคารพในศรัทธาที่แตกต่างกัน
ดูออกนะ!! ดูให้รู้ความต่างของเครื่องสำอางสายคลีน
สำรวจไอเท็ม organic / vegan / cruelty-free / clean beauty ว่าต่างกันยังไง ดีต่อเราและดีต่อโลกแค่ไหน