“เราเรียนจบช่วงประมาณกลางปี 62 แต่เลือกจะพักไปเที่ยวก่อน แล้วค่อยสมัครงาน ตอนนั้นคิดว่าเดือนมกราปี 63 ก็คงได้งานแล้ว แต่ช่วงปลายปีดันมีโควิด เราก็รู้ตัวแล้วว่าคงโดนฟรีซแน่ๆ เพราะเป็นเด็กจบใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์การทำงานอะไรเลย
“เราส่ง Resume สมัครงานไปเยอะมาก ยื่นไป 100 กว่าที่ มีได้สัมภาษณ์แค่ประมาณ 10 ที่ แต่สัมภาษณ์แล้วก็ไม่มีใครรับอยู่ดี บางที่บอกว่าเราไม่ตรงกับที่เขาตามหา บางที่ก็ไม่ติดต่ออะไรกลับมาเลย เราคิดว่าตัวเองสัมภาษณ์ไม่เก่ง เลยลองไปสมัครงานแบบที่ต้องสอบแข่งขันเข้าไปด้วย คิดว่าถ้าขยันอ่านหนังสือ ฝึกทำข้อสอบก็น่าจะมีโอกาส แต่สรุปคือไม่ผ่านตั้งแต่แรก
“ยิ่งเฟลเลย ถามตัวเองว่าฉันไม่เก่ง ไม่มีดีตรงไหนเลยเหรอ ทำไมเขาถึงไม่เลือกฉัน ทำไมเขาถึงไม่ต้องการเราเลยสักที่ ผ่านไปกี่ที่เขาก็ไม่เอาเรา ลดทอนคุณค่าตัวเองเพราะผิดหวังมาเรื่อยๆ เป็นปี จนน้องรุ่นใหม่เขามีงานทำกันแล้ว เราก็ยังว่างงานอยู่
“จริงๆ ที่บ้านไม่ได้กดดันเราเลย มีแต่เรานี่แหละที่กดดันตัวเอง คิดว่าเรียนจบแล้วก็ควรจะมีงานทำ ควรจะดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่อยากรบกวนเงินเขา เพราะเขาก็เกษียณแล้ว ตอนที่เราเครียดมากๆ พ่อพูดกับเราว่าอย่าเพิ่งท้อนะ สุดท้ายแล้วมันจะมีจังหวะชีวิตของเราอยู่ ให้รอตอนนั้นที่เป็นวันของเรา มันเป็นคำพูดที่ฟังแล้วจะร้องไห้ว่าถึงเราจะเครียดแค่ไหนแต่เขาก็ยังซัพพอร์ตเราอยู่
“หลังจากนั้นสักพัก เราก็ได้งาน แต่กลายเป็นว่าถึงได้งานแล้วก็ไม่ได้รู้สึกดีขนาดนั้น เพราะเนื้องานไม่ตรงกับความคาดหวังของเรา สุดท้ายเราเลยลาออกไปสมัครงานในบริษัทใหม่ แต่ก็ดันเข้าไม่ได้กับวัฒนธรรมองค์กร เจอหัวหน้าที่ไม่เคยสอนงาน ใช้คำพูดรุนแรง เอาแต่ด่าว่าทำไมทำไม่ได้ ทำไมโง่แบบนี้ จากที่คิดว่าตัวเองไม่มีอะไรดีอยู่แล้ว มันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกนั้นของเรา
“งานที่ทำปัจจุบันคือที่ที่สามของเรา เป็นงานที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปมาก หัวหน้าดี สภาพแวดล้อมดี เชื่อใจ ทำให้เรามีโอกาสได้ทำผลงานเต็มที่ จนเริ่มกลับมาภูมิใจในตัวเอง ทำให้เราเข้าใจว่าสุดท้ายแล้วเรื่องงานมันเป็นเรื่องของจังหวะและโอกาสอย่างที่พ่อบอก มันอาจจะไม่ได้คลิกตั้งแต่ครั้งแรกๆ อย่าไปกดดันตัวเองมากขนาดนั้น อย่าโทษตัวเองว่าฉันไม่ดี ฉันทำพลาด ฉันตัดสินใจผิด สุดท้ายแล้วในทุกๆ การตัดสินใจมันจะมีคีย์สำคัญของมันไปสู่ประตูถัดไป
“ถ้าให้สมมติว่าวันนี้เราลาออกแล้วไปสมัครงาน แต่สมัครยังไงก็ไม่ได้งานเหมือนตอนนั้น เราคิดว่าเราน่าจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้นแล้ว อาจยังคงกดดันตัวเองอยู่ แต่คงไม่กลับไปเศร้าและโทษตัวเองมากขนาดนั้นแล้ว”
Read More:
work from home ยังไง ให้งานยังเวิร์ก!
วิธีทำงานให้รอดและอยู่อย่างปลอดภัย เมื่อต้อง work from home
บันทึกวันไร้แพสชันที่สรุปได้เองว่า ก็อยู่ได้ไม่ตายนี่แก
ทางออกในวันไร้แพสชันแบบฉบับมนุษย์ที่อยากเป็นเพื่อน(ที่แสนใจดี)กับตัวเอง
คุยกับ 4 เจ้าของโต๊ะทำงานที่ใช่ ในวัน Work From Home
In a Relationship with My Workstation!