ทำเรื่องใจดีแบบสุ่มกับคนแปลกหน้า จะดีเหรอ?
Random Acts of Kindness แปลเป็นไทยก็ประมาณว่า ‘การออกไปใจดีแบบสุ่มทำ ไม่เจาะจงว่าใคร’ อะไรประมาณนั้น ถ้าฟังผิวเผินมันอาจจะดูชวนอี๋ว่านี่คือการชวนกันออกไปทำความดีหรือเปล่า จะตอบว่าใช่ก็ไม่เชิง เพราะความสนุกมันอยู่ตรงที่ความ ‘แรนด้อม’ ใจดีในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ต่างหาก
ขยายความไปอีกว่าไอ้เจ้า ‘ความเมตตาแบบเล็กๆ’ เนี่ย มันทำให้เราฝึกที่จะมองเห็นและรู้สึกขอบคุณสิ่งรอบตัวมากขึ้น แล้วพอเราทำแบบนี้บ่อยเข้า มันก็จะไปทำลาย ‘ความเห็นแก่ตัว’ ที่เราอาจจะมีมันอยู่ในตัวโดยไม่รู้ และที่ตื่นเต้นกว่านั้น ถึงกับต้องยกโควทเขามาเลยว่า
Being kind can have an impact on your psychological and physical health. ด้วยนะ
เขาบอกว่า ความเมตตา (kindness) มันเชื่อมโยงกับความสุขและความพึงพอใจของคนเราอย่างแยกไม่ออกทั้งในระดับจิตใจ (mind) และจิตวิญญาณ (soul) มีการศึกษาของนักศึกษาปริญญาตรีชาวญี่ปุ่น พบว่า คนที่มีความสุขนั้นมีน้ำใจมากกว่าคนที่ไม่มีความสุข ความเมตตาส่งเสริมความเห็นอกเห็นใจ และความเห็นอกเห็นใจจะนำไปสู่ความรู้สึกผูกพันกับผู้อื่น (ซึ่งมันดีกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าที่รู้สึกโดดเดี่ยวและแตกต่าง) เมื่อคุณรู้สึกผูกพันกับผู้อื่น คุณก็จะลดความแปลกแยกและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปนั่นเอง
นักวิจัยยังบอกอีกว่า kindness
- ช่วยลดความเครียด เพิ่มภูมิคุ้มกันของเรา และ ช่วยลดอารมณ์ด้านลบ เช่น ความโกรธ ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า
- สามารถปลดปล่อยสารเคมีทางประสาทที่ส่งผลให้เกิดความรู้สึกที่ดี และสามารถลดอาการปวดได้ เช่น โดปามีน เซโรโทนิน ออกซิโตซิน ที่ร่างกายจะหลั่งออกมาเมื่อเราใจดีกับคนอื่น
สำหรับเรา การออกไปมีน้ำใจกับคนอื่นในเรื่องเล็กๆ เป็นความท้าทายใจเบาๆ อยู่เหมือนกัน เพราะมันเทาๆ อยู่ระหว่างการทำดีกับคนที่เรารู้จักรักใคร่ (ซึ่งเราอาจจะเผลอคาดหวังให้เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกลับคืนมา) กับการทำดีแบบจริงจังในเบอร์ของ ‘การให้’ เช่น บริจาค ให้ทาน อาสาสมัคร ไปเลย (ซึ่งแบบนี้ก็มีคนทำอยู่ไม่น้อยแล้วเช่นกัน) ซึ่งเบอร์แรนด้อมนี้เราไม่ค่อยได้ทำในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ โดยเฉพาะในช่วงชีวิตที่ขาดการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์แปลกหน้า
Random Acts of Kindness อาจจะเป็นการแสดงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็มีประโยชน์มาก อย่างน้อยก็กับตัวเองคนหนึ่งละ เราเลยตัดสินใจว่าจะ ‘ทดลอง’ ทำดูสักตั้งละกัน
1
เขียน Body Positive Note ไปแปะตามกระจกสาธารณะ
การเขียนโน้ตข้อความดีๆ ไปแปะที่สาธารณะ คืออย่างแรกที่ลองทำเพราะคิดว่ามันน่าจะท้าทาย ปัญหาคือจะเอาไปติดที่ไหน เรื่องอะไรดีหว่า ไอเดียแรกที่ปิ๊งขึ้นมาก็คือกระจก เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะที่คนส่วนใหญ่มักจะมอง ส่องดูหน้าตาและรูปร่างตัวเองกันอยู่แล้ว แถมยังหาง่ายได้ทั่วไป แปะแล้วไม่ค่อยหลุดด้วย พอเป็นกระจกก็เลยลองครีเอต+สรรหาข้อความที่ว่าด้วยเรื่อง body positive ไปเลยแล้วกัน ว่าแล้วก็ออกไปที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง เดินเข้าห้องน้ำ 1 ร้านเครื่องสำอาง 1 และห้องลองเสื้อร้านเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น 1 แล้วลงมือแปะโน้ตบนกระจกทันใด แบบโนสนพนักงานร้าน (ขอโทษและขออนุญาตนะคะ)
ไม่ว่าคุณจะคือใคร ที่ผ่านไปเห็นกระจกเหล่านี้ในวันนั้น ที่ห้างฯ แห่งนั้นเข้า เราก็แค่อยากบอกว่า ทุกคนต่างดูดีในแบบของตัวเองนะ
2
ออกไป Plogging วิ่งไป สะสมขยะข้างทางไป
ขยะที่คุณทอดทิ้งไม่ลงถัง เดี๋ยวเราทิ้งให้ก็ได้ – คือไอเดียหลักของกิจกรรมที่เรียกว่า plogging (jogging+plucking) เทรนด์นี้นักวิ่งฝั่งยุโรปเขาเคยฮิตมากๆ กันช่วงก่อนโควิด เริ่มต้นโดยนักวิ่งชาวสวีเดน ที่ชวนเพื่อนนักวิ่งสวมถุงมือ คว้าถุงพลาสติกสำหรับใส่ขยะ แล้วออกไปวิ่งพร้อมใช้สายตาสแกนตามถนนเพื่อเสาะหาขยะพลาสติกไปทิ้งลงถังรีไซเคิล จากกลุ่มเล็กๆ ก็เริ่มลุกลามจนไปถึงที่อังกฤษและอีกหลายประเทศบนโลก
ปกติเราออกกำลังกายด้วยการวิ่งเป็นทุน การลอง plogging จึงไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งที่เจอหลังจากลองวิ่งแบบนี้ที่แถวบ้าน และสวนสาธารณะใกล้ที่ทำงาน พบว่าในจุดที่เป็นเมืองและชุมชน มันมีขยะให้เราเก็บทิ้งตลอดทางจริงๆ (ตามภาพคือแก้วน้ำพลาสติกและหลอดพลาสติก) แต่พอไปวิ่งสวนจตุจักรซึ่งเป็นพื้นที่ให้วิ่งจริงๆ และมีนักวิ่งเต็มสวน กลับไม่พบขยะเลยสักชิ้น สงสัยว่าเป็นเพราะคนมีจิตสำนึกที่ดี หรือช่วงนี้มีกฎห้ามเอาอาหารเข้าสวนกันแน่ (เลยต้องถือถุงเปล่ากลับบ้านไปใช้ต่อ ตามภาพ)
3
ส่งข้อความ Positive Review ไปให้ธุรกิจเล็กๆ ที่ชอบ
การส่งข้อความไปให้กำลังใจธุรกิจเล็กๆ หรือโลคอล เป็นอะไรที่เรามองข้ามไปเหมือนกัน เพราะนอกจากจะซื้อของออนไลน์บ่อย จนเริ่มคุยกับบอตมากกว่ามนุษย์ไปจนชินซะแล้ว เวลาเราชอบอะไรหรือเจออะไรที่รู้สึกว่าคนทำตั้งใจจังน้า เราก็มักจะชมอยู่ในพื้นที่ตัวเอง ไม่ค่อยได้ส่งพลังนี้ไปหาคนทำโดยตรงเท่าไหร่
ด้วยความที่เราเองก็ไม่รู้จักกับเจ้าของแบรนด์โดยตรง และไม่รู้ว่าใครกันนะที่จะเป็นคนอ่านข้อความที่เราส่งให้ จะไปถึงเจ้าของหรือเปล่า แต่การบรรจงพิมพ์ข้อความไปชื่นชมจากใจว่า ‘สิ่งที่คุณทำมันดีจริงๆ เรามองเห็นอยู่นะ ขอให้มีกำลังใจทำต่อไปเรื่อยๆ’ แล้วได้คำตอบกลับมา แม้จะเป็นการสนทนากับมนุษย์ที่ไม่รู้ว่าใครแบบสั้นๆ มันก็ทำให้ยิ้มได้อยู่
4
Tip ให้พี่ไรเดอร์ ด้วยน้ำดื่มเย็นชื่นใจ
เอาตรงๆ ปีนี้ ถ้าถามว่าคนแปลกหน้าคนไหนที่เราได้ปฏิสัมพันธ์บ่อยที่สุด คำตอบน่าจะต้องเป็นเหล่าพี่ไรเดอร์คนขับที่บริการส่งข้าวส่งน้ำให้เรายังชีพ นิสัยเสียปกติคือเวลาหิว เราก็มักจะคิดถึงแต่ตัวเอง (เป็นเรื่องธรรมดา) พอข้าวมาส่งก็ออกไปรับแล้วรีบเทกิน แม้จะเจอคนบริการแสนดีแค่ไหน ก็มีน้อยครั้งมากๆ ที่เราจะตั้งใจกดให้ดาวพี่เขา ส่วนใหญ่กินอิ่มแล้วก็จะเมินแอพฯ ไปทำอย่างอื่น
คราวนี้ ได้เวลาแล้วล่ะที่เราจะใจดีต่อผู้มีพระคุณต่อกระเพาะอาหารของเรา ในการสั่งอาหารครั้งถัดไป ก็เลยกดสั่งเมนูโปรโมชั่นที่แถมน้ำส้ม (บางร้านก็มีเมนูน้ำสดชื่นแยกมา เพื่อให้เรากดเลือกให้พี่คนขับเลย หรือบางทีสั่งกินคนเดียวเจอค่า small order ก็เปลี่ยนเป็นกดน้ำมาให้พี่ไรเดอร์แทน) แล้วก็ยกน้ำส้มนั้นยื่นไป “ให้พี่ค่ะ” แล้วก็เดินเข้าบ้านมาเขินๆ หวังว่าจะคลายเหนื่อยได้นะพี่
5
แอบเตรียม Yummy Meal ไว้ให้น้องสัตว์รอบๆ บ้าน
ปมหนึ่งในชีวิตของเราคือการไม่มีสัตว์เลี้ยงอย่างใครเขา (รักสัตว์แต่คนที่บ้านไม่พร้อมจะรักด้วย) แต่พออยู่บ้านนานๆ สายตาเราได้ทำความรู้จักกับสัตว์น่าเลี้ยงรอบบ้านมากมาย ทั้งกระรอก นก หมาจรจัดแถวบ้าน ถ้าลองใจดีกับมันเพิ่มสักหน่อย ก็อาจจะเท่ากับได้เลี้ยงสัตว์แล้ว
เริ่มจากลงมือผูกตะกร้าจิ๋วไว้เป็นจุดให้อาหารกระรอก เวลามีถั่วหรือผลไม้ที่กินไม่ทัน เช่น กล้วย ก็เอามาตัดชิ้นเล็กๆ แล้วหย่อนไว้ในตะกร้าช่วงเช้า พอบ่ายๆ ถ้าลงมาดูอีกทีแล้วหายไปก็แปลว่าน่าจะเสร็จเจ้ากระรอกไปหมดแล้ว ส่วนนก เราสังเกตว่ามันชอบมาเล่นน้ำในอ่างบัวและอ่างไม้น้ำเล็กๆ ที่วางไว้หน้าบ้าน ก็เลยเอาข้าวสารใส่ถาดไปวางไว้ใกล้ๆ ตรงนั้นให้มันมาจิกกินได้
มื้อพิเศษสุด ขอยกให้มื้อที่เตรียมให้หมาจรจัดในซอยบ้าน ปกติเวลาขับรถผ่านตอนค่ำๆ จะเห็นมันเดินเพ่นพ่าน เราเลยจัดแจงเอาน่องไก่ที่มีในตู้เย็นมาต้มให้สุก ฉีกแล้วคลุกกับข้าวสวย ใส่ถ้วยไปให้มันกินถึงที่ เรียกว่าเป็น premium dinner ที่แม้กระทั่งคนในบ้านก็อาจจะไม่ทำให้ขนาดนี้ (ฮ่า)
6
ส่งของขวัญ Christmas Wishlists ไปให้เด็กๆ ที่กำลังต้องการ
กิจกรรมใจดีสุดท้ายที่เราได้ลองทำ คือการห่อของขวัญ แนบจดหมาย ส่งความปรารถนาดีให้คนที่ยังไม่รู้จัก โดยภารกิจในใจเราคือตามหาว่ามีเด็กหรือผู้สูงวัยที่ไหนไหมนะ ที่เขาน่าจะอยากได้ของขวัญหรือจดหมาย เสิร์ชไปเสิร์ชมาจนเจอกับเพจของ ‘มูลนิธิอะมีรุลมุอ์มินีน เพื่อเด็กกำพร้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้’ ที่โพสต์ภาพถึงครอบครัวหนูน้อย 5 พี่น้องที่กำพร้าพ่อ อาศัยอยู่ในบ้านไม้เล็กๆ จังหวัดยะลา ซึ่งกำลังต้องการเสื้อผ้าและความช่วยเหลืออยู่พอดี เลยเกิดความตั้งใจว่าจะส่งของขวัญให้น้องๆ เหล่านี้แล้วกัน
หลังจากที่โทรไปถามคุณแม่เรื่องอายุของน้องๆ แต่ละคน ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้ซื้อเสื้อผ้าให้เด็ก (กะไซส์ยากเหมือนกันแฮะ) แล้วก็จัดแจงห่อของขวัญ เขียนจดหมายเป็นข้อความสั้นๆ จ่าหน้าถึงน้องๆ แล้วส่งไป หวังใจให้เป็นของขวัญคริสต์มาสล่วงหน้า
ใครอยากทำแบบนี้เหมือนกัน อยากบอกว่ามีมูลนิธิแบบใกล้เคียงกันนี้ ที่มีความต้องการอีกมากเลย แต่จะใจดีขึ้นอีกนิด ถ้าเราได้ลองใส่ใจในรายละเอียดในความต้องการของพวกเขาด้วยนะ
ไอเดีย สุ่ม ‘ใจดี’ กับคนที่เราไม่รู้จัก
เราขออนุญาตไม่เขียนถึงบทสรุปของการทดลองครั้งนี้ แต่อยากให้คนที่สนใจกิจกรรมทำนองนี้ เอาไอเดียไปเลือกปรับใช้กับชีวิตตัวเองดูเหมือนกัน แล้วแอบเขียนมาคุยกันนะ ว่าทำแล้วเป็นยังไงบ้าง
1. ส่งข้อความไปให้กำลังใจร้านเล็กๆ ที่ไม่อยากให้หายไป
2. ทิปให้คนทำงานบริการดีๆ ด้วยอะไรที่ไม่ใช่ตัวเงิน
3. แปะ positive note ในชุมชน/ที่สาธารณะ
4. ลงมือทำอาหารดีๆ สักมื้อให้คนที่กำลังต้องการ
5. ทิ้งอาหารไว้ให้สัตว์รอบบ้าน ที่อาจจะไม่มีเจ้าของ
6. เก็บขยะตามข้างทาง ไปแยกทิ้งให้ถูกต้อง
7. ส่งคำชมง่ายๆ ให้คนที่เราคุยด้วยในแต่ละวัน
8. เขียนจดหมายไปหาเด็ก/คนแก่ที่ถูกทอดทิ้ง
9. จ่ายค่าตั๋วรถเมล์ให้คนที่นั่งข้างๆ เรา
10. ส่งดอกไม้ไปเซอร์ไพรส์ใครสักคนที่กำลังรู้สึกแย่
11. ใจดีกับตัวเอง เขียน 10 สิ่งในชีวิตที่เราอยากขอบคุณ
ใครมีไอเดียใจดีอื่นๆ ที่ทำแล้วดี ชีวิตหายเฉา หรือมีแง่มุมอะไรน่าเล่า ก็แชร์หรือส่งข้อความมาบอกเราบ้างล่ะ
Read More:
ภาษาพากรีน | ศึกษานโยบายสิ่งแวดล้อมในสนามเลือกตั้ง ๒๕๖๖
หยิบศัพท์แสงที่ซ่อนอยู่ในนโยบายสิ่งแวดล้อมของหลายพรรค มาเปิดนิยามทำความเข้าใจกัน ผ่านตัวละครในบทเรียน ‘ภาษาพากรีน’
รวมแพ็กเกจน่ารักที่รักษ์โลกด้วย
ชวนมาดูแพคเกจจิ้งน่ารัก น่าส่งต่อ จากทั่วโลกที่นอกจากงานดีไซน์จะมาเหนือ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็ยังไม่แพ้ใคร
โควิด-19 คือข่าวดีของการกอบกู้สิ่งแวดล้อมจริงไหม?
หรือคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดลง สัตว์ป่าออกมาเริงร่า อาจจะเป็นผลดีที่อยู่เพียงชั่วคราว